หลายคนมักมีอาการชาอยู่บ่อยครั้งตามส่วนต่างๆ ของมือ นิ้วและแขน แม้จะเป็นอาการเล็กๆ น้อยๆ แต่เชื่อไหมว่านั่นคือสัญญาณเตือนของโรคร้ายทั้งหลายแหล่ มาดูกันดีกว่าว่าอาการชาบริเวณไหนบ่งบอกถึงอะไรบ้าง
• ชานิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้วกลาง และอาจมีอาการปวดมือ ปวดร้าวไปถึงแขนด้วย นั่นอาจหมายถึงสัญญาณของโรคเส้นประสาทกดทับที่ฝ่ามือ อาจเกิดจากการใช้งานมือในลักษณะการเกร็งอยู่นานๆ ในท่าเดิม เช่น การจับมีดจับอุปกรณ์ใช้งานในท่าเดิมซ้ำๆ จับกรรไกร ไดร์เป่าผม คอมพิวเตอร์ ซึ่งมักจะมีอาการปวดในเวลากลางคืนหรือตื่นนอนตอนเช้า
• ชาเฉพาะนิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนางครึ่งซีก (ซีกที่อยู่ติดกับนิ้วกลาง) นอกนั้นไม่มีอาการชา อาจเป็นสัญญาณของโรคเส้นประสาทมือถูกบีบรัด เนื่องจากเยื่อหุ้มเอ็นที่อยู่ในช่องใต้กระดูกมือบวม หรือกระดูกมือโตทำให้ช่องใต้กระดูกมือแคบ เลือดไหลเวียนไม่สะดวก หรืออาจเกิดจากแผ่นพังผืดเสื่อม และหนาตัวขึ้น
• ชาที่นิ้วก้อย อาจเกิดจากเส้นประสาทบริเวณรักแร้ที่ยาวไปถึงนิ้วก้อย สาเหตุจากงอและเกร็งข้อศอกเพื่อถือหูโทรศัพท์เป็นเวลานาน
• ชาปลายนิ้วมือเกือบทุกนิ้ว แต่ไม่มีอาการชาปลายเท้า และมักจะชาช่วงกลางคืนหรือก่อนนอน อาจเกิดจากการใช้มือทำงานหนัก เช่น ขี่มอเตอร์ไซค์ต่อเนื่องนานๆ เล่นโทรศัพท์บ่อยๆ ครั้งละนานๆ ซึ่งอาจทำให้เอ็นกดทับเส้นประสาทตรงข้อมือได้
• ชาง่ามนิ้วระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้ อาจเกิดจากเส้นประสาทกดทับที่ต้นแขน ดังนั้นควรเปลี่ยนท่านั่งบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการเอาแขนพาดพนักเก้าอี้
• ชานิ้วก้อย นิ้วนาง และด้านข้างฝ่ามือ (สันมือ) อาจเกิดจากเส้นประสาทบริเวณข้อศอกถูกกดทับ ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก ควรเปลี่ยนท่านั่งหรือท่านอนเพื่อหลีกเลี่ยงอาการชาดังกล่าว
• ชาทั้งแถบ ตั้งแต่แขนลงไปถึงนิ้วมือ อาจเกิดจากกระดูกต้นคอเสื่อมและกดทับเส้นประสาท ซึ่งควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายได้
อาการชาต่างๆ เหล่านี้ไม่ควรปล่อยไว้อย่างนิ่งนอนใจ ควรหมั่นเปลี่ยนอิริยาบถท่าทางบ่อยๆ ในระหว่างวัน กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ กินวิตามินบีรวมเสริม ออกกำลังกายและเคลื่อนไหวกล้ามเนื้ออย่างสม่ำเสมอ และรีบปรึกษาแพทย์ อย่าปล่อยให้เกิดอาการชาจนเรื้อรัง
4,069 total views, 5 views today