ลมหนาวเริ่มพัดโชยมาเอื่อยๆ ให้เราได้สัมผัสถึงเหมันต์ฤดูกันบ้างแล้ว (แม้จะมาช้าก็ตาม) หน้าหนาวเป็นฤดูกาลที่ดอกไม้ต่างๆ เริ่มผลิบาน อากาศที่เย็นลงเป็นสัญญาณบอกถึงการเริ่มต้นฤดูกาลท่องเที่ยวชมทุ่งดอกไม้กันแล้ว… หนาวนี้นอกจากจะไปชมทุ่งดอกทานตะวันที่ จ.ลพบุรี ไปดูทุ่งดอกบัวตองเหลืองอร่ามทั้งภูเขาที่ จ.แม่ฮ่องสอน หรือจะไปดูดอกนางพญาเสือโคร่ง (ซากุระเมืองไทย) บานตามยอดดอยในภาคเหนือ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นไฮไลท์ในหน้าหนาวทั้งสิ้น
วันนี้คู่หูเดินทางขอพาคุณผู้อ่านเลี้ยวขวาขึ้นอีสานไปเที่ยวที่จังหวัดอุดรธานี ชมดอกบัวสีชมพูสวยสดกันที่ “ทะเลบัวแดง” หรือ “หนองหาน กุมภวาปี” ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ โดยมีพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ใน อ.กุมภวาปี และบางส่วนในพื้นที่ อ.ประจักษ์ศิลปาคมของ จ.อุดรธานี บนเนื้อที่กว่า 28,000 ไร่ เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองลงมาจากบึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ และเมื่อไม่นานมานี้ที่นี่เพิ่งได้รับประกาศจาก CNN ว่าเป็น “หนึ่งในทะเลสาบสุดแปลกของโลก”

ทะเลบัวแดง เป็นแหล่งท่องเที่ยวเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก ถือเป็นต้นแบบที่น่าสนใจต่อการศึกษาระบบนิเวศน์วิทยา โดยสังเกตได้จากเมื่อเราลงเรือล่องชมดอกบัว จะมีนกตัวเล็กตัวน้อยบินผ่านโฉบเฉี่ยวมาโชว์ พร้อมอวดเสียงร้องอยู่ตลอดเวลา น้ำในบึงก็ใสสะอาดมองเห็นถึงรากบัว ความสูงของพื้นน้ำประมาณหนึ่งเมตรกว่าๆ ซึ่งเป็นระดับที่บัวสามารถชูช่อและสังเคราะห์แสงได้ดี จึงทำให้ที่นี่มีดอกบัวที่รังสรรค์โดยธรรมชาติขึ้นอยู่เกือบเต็มพื้นที่ ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการชมทะเลบัวแดง คือ ระหว่างเดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี เวลาที่ดีที่สุด คือ 07.00-10.00 น. แสงจะสวย แดดอ่อนกำลังดี เพราะหลังจากนี้ดอกบัวจะเริ่มหุบเพราะทนความร้อนของแสงพระอาทิตย์ไม่ไหว โพสต์ได้โพสต์ ถ่ายรูปได้ถ่าย เพราะของเค้าสวยงามอลังการจริงๆ ค่าล่องเรือชมทะเลบัวแดงอยู่ที่ รอบเล็ก 45 นาที ราคา 300 บาท รอบใหญ่ 1.30 ชั่วโมง ราคา 500 บาท นั่งได้ 8-10 ท่าน สอบถามรายละเอียดที่ โทร.08 1964 5420 และ 08 9395 0871

ทะเลบัวแดงอยู่ห่างจากจังหวัดอุดรธานี ประมาณ 45 กิโลเมตร การเดินทางสามารถเดินทางมาจาก อำเภอเมืองอุดรธานี โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 2 (อุดรธานี-กุมภวาปี) ถึงกิโลเมตรที่ 26 เลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางห้วยสามพาด-อำเภอประจักษ์ศิลปาคม ประมาณ 18 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที และสำหรับท่านที่ใช้บริการรถโดยสารประจำทาง กรุงเทพ-อุดรธานี ให้ไปลงรถที่อำเภอกุมภวาปี หลังจากนั้นก็เหมารถสองแถวต่อมาที่ทะเลบัวแดง

วัดป่าภูก้อน ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านายูงและป่าน้ำโสม บ้านนาคำ ตำบลบ้านก้อง อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นรอยต่อของ 3 จังหวัด คือ อุดรธานี เลย และหนองคาย แรกเริ่มเดิมทีเกิดขึ้นจากความศรัทธาในพุทธศาสนา และอุดมการณ์ที่ต้องการรักษาธรรมชาติของป่าไม้ และต้นน้ำลำธาร ตามรอยพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้เป็นมรดกของลูกหลานไทยสืบต่อไป ของ คุณปิยวรรณ  วีรวรรณ อุบาสิกาผู้ริเริ่มการสร้างวัดป่าภูก้อนแห่งนี้ จากชีวิติที่มีแต่ความโก้หรู สุขสบาย ลูกน้องบริวารเยอะแยะมากมาย เธอยอมละทิ้งทุกอย่าง และมุ่งหน้าปฏิบัติธรรมตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ ทำความดี ละเว้นความชั่ว สร้างประโยชน์เพื่อส่วนรวม และมุ่งมั่นที่จะทำให้พระพุทธศาสนาคงอยู่กับคนไทยไปตลอดกาล บนเนื้อที่ 3,000 ไร่ ที่ทุกวันนี้หากใครได้ไปเยือน จะได้เห็นภาพของผืนป่าสีเขียวขจีที่ยังคงมีอุดมสมบูรณ์มากขึ้นทุกวัน
และด้วยความร่วมแรงร่วมใจของผู้ใฝ่ในธรรมทั้งหลาย ทั้งทางสงฆ์และทางฆราวาส ได้ร่วมกันก่อสร้าง “พระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี” พร้อมพระวิหาร หวังให้เป็นเอกลักษณ์ทางพุทธศิลป์แห่งสมัยรัชกาลที่ 9 โดยเฉพาะ และได้ความอนุเคราะห์จาก ท่านอาจารย์นริศ รัตนวิมล ผู้เป็นยอดศิลปินประติมากรหินของไทย เป็นผู้ออกแบบและแกะสลักองค์พระพุทธไสยาสน์ และ ท่านอาจารย์สมยศ คำแสง เป็นผู้ออกแบบฐานพระพุทธรูป โดยรอบองค์พระยาวประมาณ 60 เมตร มีลวดลายประกอบเป็นเรื่องราวพุทธประวัติก่อนและหลังปรินิพพาน ณ ป่าต้นสาละ เมืองกุสินารา ของมหาปรินิพพานสูตร เล่าเรื่องการที่พระพุทธองค์ทรงวางพระพุทธศาสนาไว้ค้ำจุนโลกด้วยภาพปั้นนูนต่ำ หล่อด้วยทองแดง ด้านพระเศียรจารึกปัจฉิมโอวาสของพระพุทธเจ้า นับเป็นงานก่อสร้างที่มีความยิ่งใหญ่ งดงาม ล้ำค่ายิ่ง ประดิษฐานไว้บนยอดภูเขาในพุทธอุทยานมหารุกขปาริชาติภูก้อน มีระยะเวลาการสร้าง 6 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549-2555

องค์พระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี มีขนาดความยาว 20 เมตร สูง 9 เมตร หนักราวๆ 700 ตัน สร้างมาจากหินอ่อน เกรดเอ ของเมืองคาร์ราร่า ประเทศอิตาลี ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นหินอ่อนที่ดีที่สุดของโลก มีความคงทนยาวนาน และมีสีขาวสวยบริสุทธิ์ ดุจพระพุทธศาสนาที่ไม่มีอื่นใดแอบแฝง การสร้างองค์ท่านนั้นใช้หินอ่อนทั้งหมดจำนวน 43 ก้อน เรียงซ้อนกัน 3 ชั้น ใช้ระยะเวลาในการแกะสลักประมาณ 2 ปีจึงแล้วเสร็จ โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามพระนอนองค์นี้ว่า “พระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี” แปลว่า พระพุทธรูปปางไสยาสน์แห่งพระมหามุนีผู้ทรงเป็นบรมครู ที่ทรงเป็นที่พึ่งแห่งชาวโลก

ส่วนพระวิหารมีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์สมัยรัตนโกสินทร์ มีประตูทางเข้าออกวิหาร 3 ด้าน เป็นแบบประตูบานคู่ มีรูปเทพทวารบาลที่ได้รับการแกะสลักให้มีความสง่างาม เพื่อทำหน้าที่รักษาความล้ำค่าที่อยู่ภายในพระวิหาร ภายในถูกตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา แฝงไปด้วยเรื่องราวคำสอนของพระพุทธเจ้า รอบผนังภายในวิหารตกแต่งอย่างสวยงามด้วยภาพพุทธประวัติและภาพทศชาติ ตกแต่งเป็นภาพปั้นนูนต่ำหล่อด้วยทองแดงจำนวน 22 ช่อง ซึ่งเป็นภาพของพระพุทธเจ้าในองค์ชาติต่างๆ 10 ชาติ เป็นการสื่อความหมายถึงการสั่งสมบารมีด้วยความพรากเพียร และความเสียสละของพระองค์ในทุกๆ ชาติ โดยด้านบนของทุกภาพจะแกะสลักบทสวดอิติปิโส ช่องละหนึ่งท่อนด้วยสีเขียวเข้มบนหินอ่อนขาวถือเป็นผนังพระวิหารที่มีเสน่ห์และเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ส่วนตัวฐานรององค์พระฯ เป็นภาพเรื่องราวในมหาปรินิพพานสูตร ที่ทำมาจากทองแดงลอยนูนต่ำ การแกะสลักองค์พระพุทธไสยาสน์

ด้านนอกรอบๆ พระวิหาร มีรูปปั้นของเหล่าเอตทัคคะ 28 องค์ เรียงรายอยู่โดยรอบ ประกอบไปด้วย อสิติ มหาสาวก 22 องค์ มหาสาวกและสาวิกาอีก 6 องค์ และมีคำอธิบายประกอบว่าแต่ละท่านมีคุณวิเศษอย่างไร และสอนอะไรเราไว้บ้าง

รายละเอียดต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกพระวิหารทุกอย่างล้วนสร้างสรรค์มาจากช่างฝีมือชั้นครู งานจึงมีความวิจิตรบรรจง อ่อนช้อย งดงาม ควรค่าแก่การทะนุบำรุงให้สืบต่อไป… คู่หูเดินทางเห็นถึงความตั้งใจและความร่วมมือของพุทธบริษัททั้งหลายแล้ว ขอร่วมอนุโมทนาบุญอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้ด้วย… สาธุ
นอกจาก พระวิหารและพระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี ยังมี พระปฐมรัตนบูรพาจารย์มหาเจดีย์ ที่อยู่ในอาณาบริเวณเดียวกันถัดมาทางด้านล่างก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะเป็นสถานที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และรูปปั้นหินอ่อนของเหล่าเกจิอาจารย์ชื่อดังของประเทศไทย โดยจะต้องเดินขึ้นทางบันไดยาวเพื่อเข้าสู่องค์พระมหาเจดีย์

การเดินทางไปวัดป่าภูก้อน เมื่อออกจากตัวเมืองอุดรธานี ให้ใช้ทางหลวงเส้นจังหวัดหนองคาย ไปถึงหลักกิโลเมตรที่ 13 แยกซ้ายไป อ.บ้านผือ อ.นายูง จนถึง บ้านนาคำใหญ่ จะมีทางเลี้ยวเข้าวัดป่าภูก้อน รวมระยะทางจากตัวเมืองอุดรธานีถึงวัดป่าภูก้อน 100 กว่ากิโลฯ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง เพราะเป็นถนน 2 เลน ผ่านหมู่บ้านและชุมชนตลอดเส้นทาง บางช่วงถนนแคบและเป็นทางคดเคี้ยว ควรขับด้วยความระมัดระวัง ส่วนทางขึ้นไปยังพระวิหารเป็นทางลาดชันแต่สามารถขับรถขึ้นไปได้ หรือถ้าใครไม่ถนัดทางวัดก็มีบริการรถสองแถวรับ-ส่ง ค่าบริการท่านละ 20 บาท พระวิหารฯ เปิดทุกวัน เวลา 08.30 – 17.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักบริหารโครงการฯ โทร. 0 2289 0213, 08 1866 9752, 09 0747 2228

**ข้อควรปฏิบัติในการแต่งกาย สำหรับผู้ใส่กางเกงขาสั้น กางเกงยีนส์ขาด หรือเสื้อกล้าม ห้ามเข้าพระวิหาร ทางวัดจัดเสื้อผ้าให้ท่านยืมสวมทับ บริเวณด้านล่างก่อนทางขึ้นพระวิหาร 

การเดินทาง

  • ทางรถยนต์

จากกรุงเทพฯ ไปตามทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ถึงสระบุรี บริเวณกิโลเมตรที่ 107 แยกเข้าทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) ผ่านนครราชสีมา ขอนแก่น ถึงอุดรธานี

  • รถโดยสารประจำทาง

จากสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) มีบริการรถโดยสารสายกรุงเทพฯ-อุดรธานี ออกทุกวัน สอบถามรายละเอียดและตารางเวลาเดินรถเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1490 เรียก บขส.

 8,078 total views,  4 views today

Comments

Share.

Comments are closed.

Exit mobile version