สถานที่ท่องเที่ยวสำหรับคนรักธรรมชาติ สายหมอก สายน้ำ ท้องฟ้า และป่าเขา ทั้งที่ชอบเที่ยวแทบชิลๆ เพื่อใช้ชีวิตให้ช้าลง หลีกหนีความวุ่นวายในเมืองกรุง และคนรักการผจญภัยในสไตล์เบาๆ พอให้ชีวิตได้ตื่นตัวสนุกสนานบ้าง การเดินทางสะดวก ไม่ไกลมาก สามารถมาแบบเช้าไป-เย็นกลับ หรือจะมานอนพักสักคืนก็ดี อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี คือ คำตอบของความสุขที่ลงตัวครั้งนี้ครับ
อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มีพื้นที่ครอบคลุม อ.หนองหญ้าปล้อง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี และ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีพื้นที่มากที่สุดในประเทศไทย มีสภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์ เป็นป่าต้นน้ำของแม่น้ำเพชรบุรีและแม่น้ำปราณบุรี มีลักษณะเด่นทางธรรมชาติที่สำคัญหลายแห่ง เช่น ทะเลสาบ น้ำตก ถ้ำ หน้าผาที่สวยงาม มีเนื้อที่โดยรวมประมาณ 2,914.70 ตารางกิโลเมตร ลักษณะภูมิประเทศมีทั้งส่วนที่เป็นพื้นดิน ป่าเขา และส่วนที่เป็นอ่างเก็บน้ำ ประกอบด้วยเทือกเขาสลับซับซ้อนของเทือกเขาตะนาวศรี ซึ่งเป็นเทือกเขาที่เป็นเขตแดนระหว่างประเทศไทยและประเทศพม่า ปกคลุมด้วยป่าดิบชื้นเป็นส่วนใหญ่ ฝนตกชุก จึงมีอากาศเย็นสบายตลอดปี ซึ่งในช่วงฤดูฝน การท่องเที่ยวพักแรมอาจไม่สะดวก จึงมีกำหนดปิดการท่องเที่ยวและพักแรม เฉพาะบริเวณบ้านกร่างและเขาพะเนินทุ่ง ในระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม – 31 ตุลาคม ของทุกปี เพื่อความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว และเปิดโอกาสให้ธรรมชาติได้มีโอกาสฟื้นตัว รวมทั้งให้สัตว์ป่าได้อยู่อาศัยโดยปราศจากการรบกวนจากนักท่องเที่ยว
ครั้งนี้เราขอพาคุณผู้อ่านมาเที่ยวบริเวณโดยรอบเขื่อนฯ ก่อน เพราะตอนที่เรามาถ่ายทำคอลัมน์ฯ ยังไม่ถึงกำหนดที่อุทยานฯ เปิดให้ขึ้นชมทะเลหมอกบนเขาพะเนินทุ่ง เราจึงขอนำภาพของวิวสวยๆ บริเวณรอบเขื่อนมาให้ชมกันก่อนครับ แต่ก็สัญญานะครับว่าฉบับในอนาคตอันใกล้นี้ ทางทีมงานจะต้องหาโอกาสพาคุณผู้อ่านมาเที่ยวชมทะเลหมอกยามเช้า และความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าแห่งนี้กันอีกครั้งแน่นอน
ไฮไลท์ของการมาเที่ยวที่เขื่อนแก่งกระจานก็มีอยู่ 3 จุดครับ คือ การนั่งเรือชมรอบเขื่อนฯ พร้อมแวะให้อาหารลิงระหว่างทาง จากนั้นก็มุ่งหน้าตรงไปกราบนมัสการพระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ บน “เกาะโสม” ซึ่งมีสำนักวิปัสสนาเกาะศักดิ์สิทธิ์พระโพธิสัตว์ ตั้งอยู่บนนั้น เกาะแห่งตั้งอยู่ใจกลางทะเลสาบเขื่อนแก่งกระจาน ใช้เวลาเดินทางโดยเรือผ่านทิวทัศน์ของผืนน้ำ แผ่นฟ้า เกาะแก่ง และทิวเขาที่สลับซับซ้อนงดงามตระการกว้างไกลสุดสายตา ประมาณ 30 นาที ก็จะถึงท่าเทียบเรือบันไดนาค โดยจะสังเกตุเห็นต้นโสมขึ้นกระจัดกระจายไปตามพื้นทั่วทั้งเกาะแห่งนี้ จึงทำให้ได้ชื่อว่า “เกาะโสม” นั่นเอง
จากนั้นเรือจะพาเรากลับและมาแวะที่จุด “สะพานแขวน” เชื่อมระหว่างเกาะ หากใครเป็นแฟนคลับ มาริโอ้ เมาเร่อ คงจะจำภาพสะพานนี้กันได้ เพราะสะพานนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของฉากภาพยนตร์เรื่อง “สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก” นั่นเอง ปัจจุบันไม่สามารถเดินข้ามสะพานไปยังอีกฝั่งหนึ่งได้ เนื่องจากสะพานชำรุด ผุ กร่อนไปตามกาลเวลา แต่ก็ยังสามารถขึ้นไปเดินถ่ายรูป โพสต์ท่าสวยๆ อัพลงเฟ็ซบุ๊คได้ครับ ส่วนบริเวณใต้สะพานนั้นจะมีฝูงปลาน้ำจืดนับร้อยทั้ง ปลาตะเพียน ปลานิล ปลากระสูบ คอยมารอรับอาหารจากนักท่องเที่ยวใจดี โดยทางอุทยานฯ มีบริการอาหารปลาพร้อมแล้วแต่บริจาค เป็นการจบทริปการเดินทางท่องเที่ยวทางน้ำ ซึ่งสวยงามและน่าประทับใจมาก สนนราคาก็ขึ้นอยู่กับเส้นทางการท่องเที่ยวประมาณ 800 – 1,000 บาท แล้วแต่ตกลง สามารถติดต่อเรือนำเที่ยวได้ตลอดแนวเขื่อน
ไฮไลท์สุดท้ายที่ห้ามพลาดเด็ดขาดคือ การชมพระอาทิตย์ลับขอบภูเขาบนสันเขื่อน งดงามและโรแมนติกมากๆ ครับ ภาพที่ผมนำมาฝากท่านผู้อ่านที่ว่าสวยแล้ว ยังสวยสู้กับการที่ได้มาสัมผัสด้วยตาตัวเองไม่ได้ครับ หากมีโอกาสผมอยากจะขอเชิญชวนให้คุณผู้อ่านได้มีมาสัมผัสสถานที่สวยๆ แห่งนี้สักครั้ง เรียกว่าจะจดจำกันไม่รู้ลืมเลย
เมื่อเสร็จจากการท่องเที่ยวทางน้ำแล้ว เราขอพาคุณผู้อานไปเที่ยวทางบกกันบ้าง ที่ วัดพุสวรรค์ หรือ ตามที่รู้จักกันในนาม วัดเจ้าแม่กวนอิมพันมือ อยู่ก่อนที่จะถึงเขื่อนแก่งกระจานประมาณ 13 กิโลฯ วัดนี้ตั้งอยู่ที่ 40 ม.2 ต.พุสวรรค์ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เป็นที่ประดิษฐานพระแม่กวนอิมไม้แกะสลักจากไม้การบูรหอมจากประเทศจีน ปางพันเนตรพันกรสูงที่สุดในโลก มีพื้นที่ประมาณ 180 ไร่ ภายในแบ่งเป็น แดนมหายานเต๋า แดนพุทธเกษตร มีพระพุทธรูปประจำวันเกิด ศาลาบรมครู ตำหนักมิตรต่างดาว และลานปฏิบัติธรรม หุบเขาสี่อริยะสงฆ์ รูปปั้นเทพต่างๆ ในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู สามารถเดินเที่ยวชมจุดที่น่าสนใจในบริเวณได้ต่อเนื่องกัน หรือใช้บริการรถพ่วง 10 บาทต่อคน โดยรถนี้จะพาเราจากลานจอดรถ แล่นไปรอบๆ บริเวณอุทยานฯ และจะจอดให้ลงเดิน สักการบูชา เทพเจ้าแต่ละองค์ ความร่มรื่นของที่นี่ทำให้เหมือนเป็นสวนสวรรค์อันร่มรื่นและดูขลังมาก เมื่อเข้ามาที่นี่ควรมีเวลาไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง เพื่อจะได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ครบถ้วนสมบูรณ์อย่างอิ่มเอมใจ อีกทั้งเจ้าหน้าที่ภายในวัดนี้ทุกคนได้รับการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี สามารถให้คำอธิบายวิธีการสักการะได้ชัดเจน คนไม่ค่อยได้ไหว้พระไหว้เจ้า จะรู้สึกเก้งก้างทำอะไรไม่ถูก จึงไม่ต้องกลัว ที่นี่เขาขยันอธิบายจนเราอุ่นใจ ควรพกเงินมาจ่ายค่าธูป เทียน ดอกไม้ เครื่องไหว้ และทำบุญทำทาน แบบสบายกระเป๋าด้วยการแลกแบงก์ 20 มาเยอะๆ จะดีมาก ไหว้เสร็จขอแนะนำให้ทานอาหารและน้ำที่ครัวโรงบุญ มีที่ให้ทำบุญทำทานด้วย หรือจะไปที่ครัว VIP ซึ่งอยู่ด้านหน้าแผนกต้อนรับก็ได้ อิ่มแล้วจะหนุนกุศลด้วยการซื้อวัตถุมงคลที่ศาลาบูรพาจารย์กลับไปบูชาที่บ้าน หรือเป็นของฝากก็เป็นมงคลดีนัก
นอกจากนี้ที่วัดยังได้อัญเชิญพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ยาว 8 เมตร และองค์พระบรมโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรย สูง 9 เมตรรวมฐาน มาประดิษฐานเด่นสง่าที่หน้าวัด ซึ่งเชื่อว่าเป็นองค์ใหญ่ที่สุด ที่แกะสลักจากหินหยกขาว โดยมีรูปลักษณะพระหัตถ์ขวาถือดอกบัว พระหัตถ์ซ้ายถือกงจักร เป็นปริศนาธรรมว่า อย่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัว และที่ใต้ฐานจะมีหัวเสือ สิงห์ กระทิงและแรด หมายถึงธรรมะย่อมชนะอธรรม และเชื่อว่าองค์พระบรมโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรย จะมาสืบทอดพระพุทธศาสนาต่อจากองค์สมณโคดม พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเมื่อครบยุคพุทธกาล 5,000 ปี
เมื่อเยี่ยมชมทำบุญที่วัดแล้วเราก็มาเยี่ยมชมศึกษาหาความรู้กับสถานฝึกอาชีพกันบ้าง ที่ บ้านดินเขากลิ้ง หรือ ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง เรือนจำชั่วคราวเขากลิ้ง เป็นสถานที่ฝึกอาชีพให้กับผู้ต้องขังที่มีความประพฤติดี จากเรือนจำ จ.เพชรบุรี หรือจังหวัดใกล้เคียง เมื่อได้เข้ามาอยู่ในเรือนจำชั่วคราวแห่งนี้แล้ว ผู้ต้องขังจะได้รับการปฏิบัติดูแลในลักษณะผ่อนคลาย เช่น การเยี่ยมเพื่อใช้ชีวิตคู่ และฝึกอบรมอาชีพ ให้มีความรู้ความชำนาญ ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ จนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ภายหลังพ้นโทษ ถือเป็นสถานที่เตรียมความพร้อมก่อนได้รับการปลดปล่อยกลับสู่สังคม ปัจจุบันเรือนจำชั่วคราวแห่งนี้ ได้กลายเป็นศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน มีกิจกรรมให้เรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี เช่น การเกษตรปลอดสารพิษ การทำเกษตรปราณีต บ่อก๊าซชีวภาพ การสร้างบ้านจากดิน การเลี้ยงปศุสัตว์ การจัดทำน้ำส้มควันไม้ใช้แทนสารเคมี การปลูกสวนป่า เป็นต้น เมื่อมาถึงหน้าเรือนจำจะเห็นป้ายที่ทำจากดิน “ศูนย์เตรียมการปลดปล่อย (เกษตรพอเพียง)” เข้าไปด้านในสองข้างทางเป็นสวนไม้ดอกไม้ใบไม้ผลที่ร่มรื่นเรียงรายไปทั่วพื้นที่ ด้านหน้ามีบ้านดินทำเป็นร้านขายกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก ร้านตัดผม คาร์แคร์ เข้ามาก็ยังพบบ้านชั้นเดียวที่ทำด้วยดินที่ตกแต่งภายในอย่างสวยงาม รอบๆ ตัวบ้านยังมีสวนสวย ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือแฮนด์เมดของผู้ต้องขังที่นี่นั่นเอง การทำบ้านดิน เริ่มต้นมาจากตัวเจ้าหน้าที่เรือนจำได้ศึกษาจากตำราด้วยตัวเอง แล้วพัฒนามาเรื่อยๆ วัตถุดิบหลัก คือ ดิน ก็ใช้ดินภายในพื้นที่ ซึ่งเป็นดินที่ไม่เหมาะกับการปลูกพืช การสร้างบ้านดินที่นี่ไม่ได้ผสมซีเมนต์ เหมือนกับบ้านดินที่อื่น อีกทั้งการทำอิฐดินดิบของที่นี่ซึ่งมีกำลังการผลิตวันละ 300 ก้อน ยังสามารถเป็นสินค้าที่มียอดสั่งซื้อจากภายนอกอีกกว่าเดือนละ 10,000 ก้อนด้วย แรงงานที่นี่ใช้ผู้ต้องขังล้วนๆ โดยถ้าเราเดินผ่านก็จะไม่ทราบเลยว่าเขาเหล่านั้นเป็นผู้ต้องขัง เพราะว่าทำงานกันอย่างอิสระ ไม่มีเครื่องแบบ ไม่มีโซ่ตรวน เพียงแค่อยู่ภายใต้กฎระเบียบที่ทางเรือนจำกำหนดไว้เท่านั้น นอกจากนี้ผู้ต้องขังยังสามารถออกข้างนอกเรือนจำได้ คือ รับสร้างบ้านดินนอกสถานที่ได้ มีรีสอร์ทเอกชนในพื้นที่สนใจและว่าจ้างผู้ต้องขังออกไปสร้างบ้านดินให้เป็นที่พักนักท่องเที่ยวอีกด้วย หรือใครสนใจมีบ้านดินเป็นของตัวเอง ก็ติดต่อได้ที่เรือนจำชั่วคราวเขาหินกลิ้ง สำหรับการมาดูงานเป็นหมู่คณะ ควรติดต่อล่วงหน้า ได้ที่ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชนเรือนจำชั่วคราวเขากลิ้ง โทร. 032-465171
การมาเที่ยวชมที่นี่นอกจากจะเพลิดเพลินแล้ว เรายังได้ความรู้จากการอธิบายของผู้ดูแล การเลี้ยงหมูหลุม การทำปุ๋ยชีวภาพ การเลี้ยงกระต่าย หมูป่า แพะ ที่สำคัญยังได้ออกกำลังกายไปในตัวด้วย เพราะพื้นที่ค่อนข้างกว้างขวาง แต่ก็สะอาดและเป็นระเบียบดี
ครั้งนี้ ผมขอจบทริปความสุขของการเที่ยวเขื่อนแก่งกระจานไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อน เพราะแต่ละที่ที่ผมเขียนมาคุณผู้อ่านคงต้องใช้เวลาในการเดินเที่ยวชม 2- 3 ชั่วโมงเลยครับ หากใครเหนื่อยอยากพักเล่นน้ำเย็นๆ ก็สามารถทำได้ เพราะตลอดแนวแม่น้ำเพชรบุรี เค้ามีบริการนั่งเรือยาง เล่นล่องแก่ง ลอยห่วงยางครับ น้ำใสไหลเย็น สดชื่นสุดๆ กับความสุขที่ต้องมาสัมผัส…เขื่อนแก่งกระจาน
การเดินทาง
รถยนต์
จากกรุงเทพฯ เดินทางไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่านจังหวัดนครปฐม จังหวัดราชบุรี เข้าสู่เขตจังหวัดเพชรบุรี หรือจะเดินทางไปตามถนนพระราม 2 (ถนนธนบุรี – ปากท่อ) ถึงสามแยกวังมะนาวให้เลี้ยวซ้าย ก็จะเข้าสู่เขตจังหวัดเพชรบุรีเช่นกัน จากนั้นมีหลายเส้นทางที่ไปที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ดังนี้
1. เข้าทางอำเภอหนองหญ้าปล้อง ไปตามทางหลวงหมายเลข 3349 ถึงบ้านท่าตะคร้อ เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมาเลข 3510 เมื่อถึงเส้นทางระหว่างอำเภอท่ายาง – อำเภอแก่งกระจาน ให้เลี้ยวขวา เดินทางต่อไปจนผ่านที่ทำการอำเภอแก่งกระจาน เข้าสู่บริเวณเขตเขื่อนแก่งกระจานเลียบตามถนนลาดยางขอบอ่าง จากตัวเขื่อนอีกประมาณ 2 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
2. เข้าทางสี่แยกเขาตะเครา (ก่อนเข้าตัวเมืองเพชรบุรี) ไปตามทางหลวงหมายเลข 3204 ถึงเส้นทางระหว่างอำเภอท่ายาง – อำเภอแก่งกระจาน ให้เลี้ยวขวา เดินทางต่อไปจนผ่านที่ทำการอำเภอแก่งกระจาน เข้าสู่บริเวณเขตเขื่อนแก่งกระจานเลียบตามถนนลาดยางขอบอ่าง จากตัวเขื่อนอีกประมาณ 2 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
3. เข้าทางอำเภอท่ายาง เมื่อเดินทางถึงสี่แยกเขื่อนเพชร ให้เลี้ยวขวาเข้าไปตามเส้นทางระหว่างอำเภอท่ายาง – อำเภอแก่งกระจาน เดินทางต่อไปจนผ่านที่ทำการอำเภอแก่งกระจาน เข้าสู่บริเวณเขตเขื่อนแก่งกระจานเลียบตามถนนลาดยางขอบอ่าง จากตัวเขื่อนอีกประมาณ 2 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
รถโดยสารประจำทาง
สอบถามข้อมูล และรายละเอียดตารางเดินรถได้ที่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บชส.) โทร.1490 เรียก บขส. หรือ www.transport.com
12,314 total views, 1 views today