ทะเลไทยนั้นมีจุดที่สวยใสอยู่หลายแห่งรอบด้านทั้งฝั่งอ่าวในน่านน้ำมหาสมุทรแปซิฟิค และฝั่งทะเลอันดามันในน่านน้ำมหาสมุทรอินเดีย โดยเฉพาะที่สุดท้ายปลายสุดแผ่นดินไทยในทะเลฝั่งตะวันออก เรามี “เกาะกูด” เป็นอีกหนึ่งในไข่มุกเม็ดงามของเอเชีย จัดอยู่ในน่านน้ำทะเลตราด เกาะนี้มีธรรมชาติค่อนข้างบริสุทธิ์ครบ ทั้งน้ำตก ภูเขา ทะเล แมกไม้ สายธาร ชุมชนที่มีวิถีชีวิตแบบท้องถิ่นทะเลให้เราเข้าไปศึกษาท่องเที่ยว และพักผ่อนหย่อนใจใช้ชีวิตแบบช้าๆ หลีกหนีความวุ่นวายจากสังคมเมืองได้พอสมควรแบบครบจบเสร็จในสไตล์ one stop trip อีกแห่งหนึ่งเลยทีเดียว
เกาะกูด มีความใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย อยู่ห่างจากตัวเมืองตราด 80 กิโลเมตร มีเนื้อที่ 105 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 65,625 ไร่ ความยาวของเกาะ 25 กิโลเมตร กว้าง 12 กิโลเมตร มีภูเขาและที่ราบสันเขาซึ่งเป็นต้นกำเนิดสายน้ำ ทำให้เกาะกูดมีน้ำตกหลายแห่ง ไว้กิน-ใช้ โดยไม่ต้องนำเข้าจากนอกเกาะ
กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวนิยมทำกันเมื่อมาที่เกาะกูดอาทิว่ายน้ำชมปะการังพายเรือคายัคนั่งเรือวนรอบเกาะตกหมึกตกปลาฯลฯโดยรวมๆแล้วสามารถเที่ยวได้โดยรอบเกาะเลยทีเดียวเช่นทางฝั่งตะวันตกของเกาะตั้งแต่อ่าวตาติ้นหาดคลองยายกี๋แหลมหินดำหาดคลองเจ้าหาดง่ามโข่แหลมบางเบ้าหาดอ่าวพร้าวไปจนสุดปลายแหลมเทียนส่วนทางฝั่งตะวันออกที่น่าสนใจได้แก่อ่าวสับปะรดแหลมศาลาอ่าวยายเกิดอ่าวคลองหินอ่าวจากล้วนแต่เป็นหาดที่มีหาดทรายสวยงามและน้ำทะเลใสมีธรรมชาติสงบเงียบร่มรื่นด้วยทิวมะพร้าวริมหาดเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบท่องเที่ยวและพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาตินอกจากนี้ยังมีป่าชายเลนที่สมบูรณ์แนวปะการังนานาชนิดและปลาทะเลสีสันสวยงามในบริเวณทะเลด้านในของตัวเกาะรวมถึงเกาะแรดและเกาะไม้ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับเกาะกูด
สำหรับบนแผ่นดินในตัวเกาะ ลึกเข้าไปจะมีน้ำตกที่สวยงามให้เที่ยวชมอยู่หลายแห่ง แต่ที่มีชื่อเสียงที่สุด ได้แก่ น้ำตกคลองเจ้า ซึ่งมีน้ำไหลตลอดทั้งปี มีทั้งหมด 3 ชั้น โดยชั้นบนจะมีลักษณะเป็นลำธาร ส่วนชั้นล่างเป็นลักษณะอ่างน้ำขนาดใหญ่ เหมาะแก่การเล่นน้ำ และชมปลาน้ำจืดในสายธาร น้ำตกแห่งนี้ถือว่าเป็นน้ำตกประวัติศาสตร์ ที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยเสด็จประพาสเมื่อ พ.ศ. 2454 ทรงพระราชทานนามว่า “น้ำตกอนัมก๊ก“ เพื่อเป็นที่ระลึกถึงองค์เชียงสือ กษัตริย์ญวนที่เคยเข้ามาลี้ภัยจากการจราจลในสมัยรัชกาลที่ 1
การท่องเที่ยวบนเกาะกูดนั้น ควรซื้อแพ็คเกจทัวร์จากรีสอร์ทต่างๆ เพื่อความสะดวกในการเดินทาง เพราะไม่มีรถโดยสารประจำทางวิ่งรับ-ส่งนักท่องเที่ยวบนเกาะ ต้องเหมาในราคาที่ค่อนข้างสูงเท่านั้น โดยทั่วไปจะเป็นแพ็คเกจแบบ 3 วัน 2 คืน ราคาก็จะรวมค่าอาหาร ค่าที่พัก และค่ากิจกรรมต่างๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว
ใกล้ๆ เกาะกูดนั้น มี เกาะรัง เป็นเกาะเล็กๆ ที่เป็นอีกหนึ่งสีสันของการมาเที่ยว น้ำทะเลใสมองเห็นสีสันของแนวปะการังและโขดหินใต้น้ำ ตัดกับสีสันของหาดทรายขาวละเอียด ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง บนเกาะไม่มีที่ราบพอที่อาศัยอยู่ได้ มีเฉพาะที่ราบหน้าหาดเพียงเล็กน้อย บริเวณรอบๆ หมู่เกาะรังมีเกาะน้อยใหญ่อยู่จำนวนมาก ได้แก่ เกาะรังใหญ่ เกาะรังเล็ก เกาะกระ เกาะเทียน เกาะทองหลวง เกาะยักษ์ เกาะสามพี่น้อง เกาะมะปริง เกาะตุ๊น และเกาะกำปั่น เป็นต้น
ผ่านทริปชิลๆ บนเกาะกูดมาถึงฝั่ง ก่อนเดินทางกลับบ้านก็ควรมีของฝากจากเมืองตราดติดไม้ติดมือไปฝากให้เป็นที่ปลื้มอกปลื้มใจคนที่บ้านบ้าง เราขอแนะนำ ร้านกุ้งแห้งป้าแจ๋ว ตั้งอยู่ 42/9 ม.3 ถ.ตราด-แหลมศอก ต.หนองคันทรง อ.เมือง จ.ตราด มีชื่อทางด้านกุ้งแห้งเกรด A สารพัดขนาด อร่อย สด สะอาด จนติดตลาดเป็นสินค้า OTOP ระดับ 5 ดาว แต่ใช่ว่าร้านป้าแจ๋วจะมีแต่กุ้งแห้งอย่างเดียว เพราะยังมีสินค้าจากท้องทะเลให้เลือกซื้อหาอย่างละลานตระการตา อีกมากมาย ไม่ว่าจะปลาเค็มต่างๆ กุ้งผัดหวาน ผัดเค็ม หมึกแห้ง หมึกผัดซีอ๊วหวาน ซีอิ๊วเค็ม น้ำพริกต่างๆ ผลไม้ตากแห้ง ดองเปรี้ยว ดองเค็ม ฯลฯ ที่รับรองได้ว่าผู้รับทางบ้านทานแล้วต้องประทับใจในของฝากนี้แน่นอน ร้านกุ้งแห้งป้าแจ๋วตั้งอยู่ริมถนนทางกลับมาจากท่าเรือไปเกาะกูด ไปถูกไม่ถูกอย่างไรสอบถามเส้นทางก่อนได้ เปิดบริการทุกวัน โทร.0 3954 2161
จากนั้นก็กลับเข้ามาในเมืองตราด แวะไปทานอาหารกลางวันกันที่ ร้านครัวขันทอง ร้านข้าวแกงแสนอร่อยที่ขึ้นชื่อของจังหวัดตราด อยู่ฝั่งตรวข้ามโรงพยาบาลตราด หาไม่ยาก ถามใครก็รู้จัก มีข้าวผัดแดงใส่ซอสผัดปูเป็นเมนูเด่น ประจำร้านที่ขาดไม่ได้ เพราะเป็นเข้าวผัดสูตรเฉพาะดั่งเดิมของเมืองนี้ จะทานเปล่าๆ แกล้มกับอาจาดก็ดี หรือจะทานกับต้ม ผัด แกง ทอดต่างๆ ก็ได้ ส่วนใหญ่ลูกค้านิยมทานคู่กับแกงกะทิ อาทิ แกงเขียวหวาน แกงพะแนง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเมนูเด็ดๆ ที่หาทานยากสำหรับชีวิตเมืองกรุง เช่น แกงป่ากวาง แกงหมูป่า แกงปลากระเบนกับพริกขี้หนู ถือว่าเป็นเมนูที่ขายดีเช่นกัน เปิดบริการทุกวัน เวลา 07.00 – 15.00 น. โทร.0 3951 1234
เมื่ออิ่มท้องกันแล้ว เราขอแนะนำให้ไปอิ่มใจกันต่อที่ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองตราด ซึ่งเป็นศาลหลักเมืองหนึ่งเดียวในไทยที่เป็นสไตล์เก๋งจีน ตั้งอยู่บนถนนหลักเมือง ใกล้วัดโยธานิมิตร องค์สมเด็จพระเจ้าตากสินโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นตามความเชื่อแบบจีนเพื่อให้ปกป้องคุ้มครองเมืองตราดให้รอดพ้นจากอันตราย ชาวเมืองอยู่เย็นเป็นสุข ศาลหลักเมืองเป็นดั่งศูนย์กลางเชื่อมความสัมพันธ์ไทย-จีน ในวันขึ้น 6 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี จะมีงานฉลองที่เรียกว่า “วันงานพลีเมือง” หรือที่ชาวจีนเรียกว่า “วันเซี่ยกงแซยิด” หมายถึง วันเกิดเจ้าพ่อหลักเมือง มีพิธีทำบุญตักบาตรแบบไทย และในช่วงก่อนและหลังตรุษจีน 1 เดือน จัดให้มีงานประจำปีศาลปุงเถ้าม้าแบบจีน
หากท่านผู้อ่านยังพอมีเวลาเหลือเราขอแนะนำให้ท่านเลยไปยัง วัดบุปผาราม หรือเรียกอีกชื่อว่า วัดปลายคลอง ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 บ้านปลายคลอง ถนนพัฒนาการปลายคลอง ตำบลวังกระแจะ จากตัวเมืองไปตามทางหลวงหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท) ตรงข้ามโรงพยาบาลตราด เลี้ยวแยกซ้ายเข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ที่สุดในจังหวัด สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย ราวรัชสมัยพระเจ้าปราสาททอง (พ.ศ. 2191) ต่อมาท่านพระครูคุณสารพิสุทธิ์ (หลวงพ่อโห) อดีตเจ้าอาวาสในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้บูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้นมาใหม่ จวบจนปัจจุบัน ท่านพระครูสุวรรณสารวิบูลพร้อมทั้งชาวบ้านได้ร่วมแรงร่วมใจกันจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ จัดภูมิทัศน์โดยรอบวัดให้สะอาดเรียบร้อย วัดนี้จึงเป็นศูนย์กลางการปฏิบัติศาสนกิจ มีสิ่งที่น่าสนใจภายในวัด ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ แสดงโบราณวัตถุอันทรงคุณค่าไว้มากมายโดยเฉพาะพระบรมสารีริกธาตุคู่บ้านเมือง พระพุทธรูปทองคำปางต่างๆ เครื่องถ้วยชามจีน, ยุโรป กลองมโหระทึก ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เขียนขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ เป็นฝีมือช่างท้องถิ่นผสมกลมกลืนด้วยศิลปะจีน แสดงให้เห็นว่าวัดแห่งนี้อาจได้รับการอุปถัมภ์จากชาวจีนที่มาค้าขายแถบชายฝั่งทะเลตะวันออก นอกจากนั้นยังมีหมู่กุฏิเล็กทรงไทย ที่สร้างได้อย่างถูกต้องตามพระวินัยบัญญัติ ที่มีขนาดพอแค่ภิกษุอยู่ได้รูปเดียวเท่านั้น การเข้าชมกราบนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ภายในบริเวณวัดนี้ ต้องมีพระภิกษุของที่วัดถือกุญแจมาเปิดนำชมและบรรยายให้ความรู้แผู้เยี่ยมชม เพื่อเป็นการระวังรักษาสิ่งของมีค่า รวมถึงโบราณวัตถุต่างๆ ภายในวัด และให้เราได้ซักถามเพื่อเป็นการศึกษาหาความรู้ไปในตัวด้วย จึงนับว่าเป็นวัดโบราณที่ทำตามหลักวิชาการท่องเที่ยวเชิงทัศนศึกษาที่ทันสมัยแห่งหนึ่งทีเดียว
จบทริปท่องเที่ยวทะเลหนีร้อนมาผ่อนคลายทั้งกายและใจกันแล้ว ทีนี้ก็ถึงเวลาเตรียมตัวรับมือกับฤดูกาลใหม่ที่จะมาเยือนกันในอีกไม่ช้านี้ครับ ฝน ฟ้า อากาศ เปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องของธรรมชาติ แต่อย่าให้อารมณ์ของเราแปรปรวนตามไปด้วยนะครับ ไม่งั้นเสียบรรยากาศหมด…
Tip การเดินทาง
รถยนต์
จากกรุงเทพฯ สามารถเดินทางได้ 2 เส้นทาง คือ
สายบางนา-ตราด (เส้นทางหลวงหมายเลข 3) ผ่านชลบุรี-ระยอง-จันทบุรี-ตราด ระยะทางประมาณ 385 กม.
สายบางนา-ชลบุรี-แกลง-จันทบุรี-ตราด (เส้นทางหลวงหมายเลข 344) ระยะทางประมาณ 315 กม.
รถโดยสารประจำทาง
มีรถโดยสารปรับอากาศ ออกจากสถานีเอกมัย ตั้งแต่เวลา 07.00-23.30 น. รถออกทุกชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center โทร.1490 เรียก บขส.หรือ www.transpot.co.th
3,755 total views, 1 views today