มุมสุขภาพ
 
 

+ นอนไม่หลับฟังทางนี้

 
 

         มันเป็นเรื่องน่าเบื่อ หากว่าคุณอยากนอนหลับเต็มแก่ แต่ร่างกายคุณกลับไม่ตอบสนองความต้องการนี้เอาซะเลย หากคุณหลับยาก ลองใช้เทคนิคปรับอุณหภูมิร่างกายดูสิ  ระหว่างที่เราหลับอุณหภูมิในตัวเราจะลดลง แต่อวัยวะส่วนปลาย เช่น แขน-ขาจะร้อนขึ้น ดังนั้นการอาบน้ำอุ่นๆ จึงไม่เพียงแต่จะทำให้คุณผ่อนคลาย แต่ยังดึงเลือดให้ไหลเวียนมาที่ผิวหนังมากกว่าที่สมองอีกด้วย หรือจะทำเท้าให้อุ่นโดยห่มผ้าห่มเพิ่ม สวมถุงเท้าเข้านอน หรือใช้กระเป๋าน้ำร้อนก็ได้ แล้วอย่าลืมปรับอุณหภูมิห้องให้เย็นไว้ด้วย มันจะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายได้มากขึ้น      

การดื่มเหล้าหรือไวน์แก้วเล็กๆ สักแก้วหนึ่งอาจช่วยให้ง่วง เพราะมันทำให้ผ่อนคลาย แต่การดื่มหลายแก้วกลับจะทำให้หลับไม่สบายเพราะสารอะดรีนาลินที่ร่างกายเร่งสร้างขึ้นมา เพื่อหักล้างฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ดังนั้นการเลือกดื่มแอลกอฮอล์เพื่อช่วยให้ง่วงอาจไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก

สำหรับคุณผู้หญิงบางคนรอบเดือนอาจส่งผลต่อการนอนหลับ ลองใช้ผ้าปูเตียงผ้าฝ้ายพร้อมสวมชุดนอนบางเบา และปรับอุณหภูมิห้องให้เหมาะสม  นอกจากนี้การติดผ้าม่านหนาๆ หรือมู่ลี่ที่มิดชิดเพื่อป้องกันแสงสว่างจากภายนอกก็เป็นประโยชน์เช่นกัน บางคนอาจจะไวต่อแสงสว่างมาก จนแค่แสงเรืองจากนาฬิกาที่หัวเตียงก็ทำให้นอนไม่หลับได้แล้ว ผู้เชี่ยวชาญหลายคนแนะต่อว่าเมื่อใดก็ตามที่พยายามนอนแล้วแต่ยังไม่หลับเสียที ให้ลุกขึ้นเดินไปยังห้องอื่น และค่อยกลับมานอนบนเตียงเมื่อรู้สึกง่วง

 
 

+ แอปเปิ้ลวันละลูกลดภาวะกระดูก

 
 

การกินนมและผลิตภัณฑ์จากนมจะช่วยให้กระดูกแข็งแรงและไม่เปราะง่ายเมื่อเข้าสู่วัยทอง แต่ไม่นานมานี้ มีบทความวิจัยในวารสาร The American Journal of Clinical Nutrition ว่า ผู้หญิงที่กินอาหารที่มีความหนาแน่นของธาตุอาหารสูง เช่น ผลไม้ ผักหรือธัญพืช จะช่วยลดอาการเสี่ยงจากภาวะกระดูกเปราะบางในวัยทองได้ถึง 14% อาหารที่มีความหนาแน่นของธาตุอาหารสูง ได้แก่ แอปเปิ้ล ซึ่งแนะให้ทานแอปเปิ้ลทุกวัน วันละลูก โดยเลือกคละสีกัน เช่น แดง เขียว เหลือง ทำให้คุณได้รับสารอาหารที่หลากหลาย นอกจากนี้ อาหารที่มีประโยชน์กับกระดูกยังไม่หมดแค่นั้น คุณสามารถทานพรุน หัวหอม หรือพืชสีเขียวเข้มอย่างสาหร่าย
     การวิจัยของมหาวิทยาลัยโตรอนโตแนะนำว่า ดื่มน้ำมะเขือเทศวันละสองแก้ว หรือขนาดกระป๋องมาตรฐานที่วางขายตามซูเปอร์มาร์เก็ต จะช่วยลดระดับของเอ็น-เทโลเปปไทด์ (สารเคมีที่ร่างกายขับออกมาเมื่อกระดูกแตก) และลดความเสี่ยงจากการกระดูกแตกหลังอายุห้าสิบได้

 
 

+ อยากสมองดียาวนานไม่ใช่เรื่องยาก

 
 

สมองของคนเราในช่วงอายุตั้งแต่ 24 ถึง 80 ปี จะมีน้ำหนักสมองลดลงไปประมาณ 20% รวมถึงปริมาณเลือดที่ไหลเวียนไปเลี้ยงสมองก็ลดลงในอัตราส่วนใกล้เคียงกัน แต่คุณสามารถป้องกันได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
1. ทานอาหารกรีก อิตาเลียน สแปนิช
มีการศึกษาด้วยการติดตามประชากร 3,000 คน เป็นเวลาสี่ปี พบว่าคนที่บริโภคอาหารจำพวกน้ำมันมะกอก ถั่ว ปลา มะเขือ สัตว์ปีก ผัก ผลไม้ ผักใบเขียว เป็นปริมาณมาก สามารถป้องกันอาการโรคอัลไซเมอร์ได้ และจะยิ่งมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น หากลดการบริโภคอาหารจำพวกนมเนยที่มีไขมันสูงและเนื้อแดง ศาสตราจารย์เดวิด สมิธ จาก Oxford Project to Investigate Memory and Ageing (OPTIMA) ของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด แนะว่านอกจากนี้การดื่มน้ำชาในปริมาณไม่จำกัด ไวน์แดงวันละครึ่งแก้ว หรือช็อกโกแลตวันละนิดหน่อย สามารถช่วยเพิ่มความจำให้กับสมองได้ด้วยเช่นกัน
2. รักษาระดับความดันเลือด
ปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง เป็นดัชนีสำคัญในการบ่งชี้ถึงสุขภาพของสมอง ยิ่งอายุมากขึ้น ก็ยิ่งต้องหมั่นคอยตรวจความดันเลือดอยู่เป็นประจำ เพราะความดันเลือดสูงที่เกิดขึ้นใน 40 และ 50 เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่จะพัฒนาให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ หรือโรคสมองเสื่อมในเวลาต่อมา ฉะนั้นตรวจความดันเลือดอยู่เป็นประจำเพื่อรักษาโรคความดันสูงแต่เนิ่นๆ แล้วโอกาสเสี่ยงของคุณก็จะลดน้อยลง
3. ทานวิตามินบี 12
มีการค้นพบเมื่อเร็วๆ นี้ว่า คนที่มีปริมาณวิตามินบี 12 ต่ำ เสี่ยงต่ออาการสมองฝ่อมากกว่าคนทั่วไปถึงหกเท่า ซึ่งมักเป็นกับผู้สูงอายุ ปริมาณที่แนะนำคือควรได้รับวันละ 1.5 ไมโครกรัม ซึ่งได้จากการกินโยเกิร์ตหนึ่งถ้วย ปลาแซลมอนหนึ่งชิ้น ปลาซาร์ดีนหนึ่งกระป๋อง ตับแกะหนึ่งชิ้น นมหนึ่งแก้วเล็ก หรือชีสแผ่นเท่ากลักไม้ขีดไฟ โดยเฉพาะคนที่มีอายุเข้าเลขสี่ไปแล้วทุกคน ควรได้รับวิตามินบี 12 วันละ 10 ไมโครกรัม เป็นอย่างน้อย
4. ฝึกสมองไม่ให้ขี้ลืม
การออกกำลังกายด้วยการเต้นแอโรบิก ทำให้เซลล์ประสาทในสมองทำงานเชื่อมโยงถึงกันได้เป็นอย่างดี นี่คือคำแนะจาก ดร. เจสสิกา กรานห์จาก Medical Research Council มีการศึกษากลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ใหญ่วัยกลางคนที่เดินออกกำลังกายครั้งละ 45 นาที เป็นเวลาสามครั้ง ต่ออาทิตย์ เปรียบเทียบกับกลุ่มที่ออกกำลังกายแค่ยืดเส้นยืดสายเฉยๆ พบว่ากลุ่มที่เดินออกกำลังกายจะมีความจำและสมาธิดีกว่า

 

 
 


 
 
 

Copyright © นิตยสารคู่หูเดินทาง / MJ Media Company Limited